ยิงสดเอเชียนคัพยังนิ่ง ‘กกท.’จับตา ตอนนี้โอกาส50-50
แฟนบอลไทย ยังไม่มีข่าวให้ชื่นใจ กับโอกาสการได้เชียร์ “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย แข่งขัน “เอเชียนคัพ 2023” ที่ประเทศกาตาร์ ล่าสุด ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (ผู้ว่าการ กกท.) บอกว่า แม้ กกท. กำลังจับตาดูอยู่ แต่ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการซื้อลิขสิทธิ์ ยอมรับว่าถึงตอนนี้ โอกาส 50-50
ฟุตบอลเอเชียนคัพ จะเริ่มกลางเดือน ม.ค. 67 แล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 เดือน โดยทีมชาติไทยอยู่ในกลุ่ม F ร่วมกับ ซาอุดีอาระเบีย อันดับ 56 ของโลก, คีร์กีซสถาน อันดับ 98 ของโลก และโอมาน อันดับ 74 ของโลก นัดแรกของทีมไทย พบ คีร์กีซสถาน วันที่ 16 ม.ค. 67
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวว่า สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) แจ้งมายัง สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เตือนว่า ในไทยยังไม่มีเอกชนเจ้าใดซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ซึ่งบริษัทที่ดูแลด้านสิทธิประโยชน์ ของ เอเอฟซี คือ เอเชีย ฟุตบอล กรุ๊ป จากประเทศกาตาร์ ได้ติดต่อกับบริษัทเอกชนของไทย ที่มีความสนใจอยากซื้อลิขสิทธิ์อยู่ราว 2-3 บริษัท แต่ฝั่งของไทยเองยังไม่ตกลง เนื่องจากข้อจำกัดหลายด้าน ทั้งราคา รวมถึงความต้องการของไทย ที่อยากซื้อลิขสิทธิ์แค่เกมที่ทีมชาติไทย ลงทำการแข่งขันเท่านั้น
สำหรับฟุตบอลเอเชียนคัพ ไม่ใช่ 1 ใน 7 รายการกีฬาที่อยู่ในกฎ Must Have ของ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ทำให้ภาครัฐไม่สามารถลงมาช่วยเหลือในการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดได้ ขณะที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีหน้าที่แค่ตัวกลางเจรจา
เคสคล้ายๆ กันนี้ เคยเกิดขึ้นแล้ว ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 ระหว่างเดือน ธ.ค. 65-ม.ค. 66 ซึ่งตอนแรกไม่มีเอกชนในไทยซื้อลิขสิทธิ์ ก่อนที่ “นอท” พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ ที่ตอนนั้นเป็นซีอีโอกองสลากพลัส ทุ่มเงิน 67 ล้านบาท ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ก่อนจะให้ช่อง 9 MCOT HD เป็นผู้ถ่ายทอดสด
และล่าสุดกับการถ่ายทอดสดเอเชียนคัพนั้น ถึงตอนนี้ยังไม่มีความคืบหน้า ว่าจะมีเจ้าใดในไทย ที่จะมาซื้อลิขสิทธิ์
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า ตอนนี้มีการพูดกันอยู่ แต่ยังพูดเต็มปากไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร อยู่ที่เอกชนด้วย ถ้ามีเอกชนสนับสนุนแล้วจับมือสถานีก็เป็นเรื่องดี กกท. ไม่มีหน้าที่โดยตรง ไม่อยากไปเกี่ยวอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน กฎ กสทช. ก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้ปลดล็อกอะไร ดังนั้นยังอยู่ในกฎกติกาเดิม การเข้าไปของ กกท. ต้องระมัดระวัง ซึ่งสถานี “ทีสปอร์ต” ที่อยู่ในการดูแลของ กกท. นั้น โดนจำกัดด้วยเงื่อนไข ดังนั้นในคอนเทนต์ต่างๆ หากเอกชนสนใจจะซื้อ ต้องเปิดทางให้ก่อน
เมื่อถามว่า เท่าที่ทราบมีใครที่แสดงความสนใจจะซื้อหรือไม่ ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า มีพูดถึงราคาเท่านั้นเท่านี้ แต่ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่ามีเจ้าไหนกำลังคุย ตอนนี้ใกล้แข่งเต็มทีแล้ว ยอมรับว่ายังไม่เห็นความชัดเจน แต่ กกท. ให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องจับตาดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร ดูความเป็นไปได้ต่างๆ หากหลังปีใหม่แล้วยังไม่มีใครซื้อลิขสิทธิ์ ก็ต้องมาพิจารณา รวมทั้งหารือกับ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ด้วย
เมื่อถามว่า สำหรับแฟนบอลไทย กับโอกาสได้เชียร์ช้างศึกในเอเชียนคัพ อยู่ที่ 50-50 ใช่หรือไม่ ดร.ก้องศักด กล่าวว่า 50-50 ราคาที่แจ้งมา ยังแพงไปสำหรับภาครัฐ ก็ให้ไปต่อรองว่า หากเป็นทีวีช่องของภาครัฐเข้ามา จะให้ราคาได้แค่ไหน จะได้ไปหาพาร์ทเนอร์มาช่วยลงทุน หลักการคือไม่อยากใช้เงินกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เพราะต้องเอาส่วนนี้มาพัฒนากีฬาเป็นหลัก.